คู่มือขั้นตอนง่ายๆ สำหรับชาวต่างชาติ
การนำทางในตลาดซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยอาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับชาวต่างชาติ แต่คู่มือนี้จะให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับขั้นตอนการซื้อและขายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย โดยจะอธิบายตั้งแต่กฎการเป็นเจ้าของ ไปจนถึงผลกระทบทางภาษี เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลครบถ้วน
ชาวต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยได้อย่างไร?
ชาวต่างชาติสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์บางประเภทในประเทศไทยได้ แต่จะมีข้อจำกัดดังนี้:
- คอนโดมิเนียม
การเป็นเจ้าของ: ได้ – สามารถเป็นเจ้าของในลักษณะ Freehold (มีข้อจำกัดว่า 49% ของอาคารสามารถเป็นเจ้าของโดยชาวต่างชาติ) - ที่ดิน
การเป็นเจ้าของ: ไม่ได้ – ชาวต่างชาติไม่สามารถเป็นเจ้าของที่ดินโดยตรง แต่สามารถเช่าที่ดิน, แต่งงานกับคนไทย, หรือใช้บริษัทไทยตามกฎหมาย - บ้าน/วิลล่า
การเป็นเจ้าของ: ได้บางส่วน – ชาวต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของตัวบ้าน (อาคาร) แต่ไม่สามารถเป็นเจ้าของที่ดินที่ตั้งอยู่
ขั้นตอนการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย
- เลือกอสังหาริมทรัพย์
– ทำงานร่วมกับตัวแทนเพื่อหาทรัพย์สินที่เหมาะสม
– ตรวจสอบว่าโควตาของคอนโดมิเนียมสำหรับชาวต่างชาติเต็มหรือไม่ - จองห้อง/ที่ดิน
– ลงนามในแบบฟอร์มการจองและชำระมัดจำ - ลงนามในสัญญาซื้อขาย
– ทบทวนเงื่อนไข, กำหนดการชำระเงิน, และตรวจสอบสถานะทางกฎหมายของอสังหาริมทรัพย์ - โอนเงินจากต่างประเทศ
ต้องโอนเงินในสกุลเงินต่างประเทศและขอหนังสือรับรองการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (FET) - โอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน
ชำระยอดคงเหลือ, ลงทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ และชำระภาษีที่สำนักงานที่ดิน
ภาษีและค่าธรรมเนียมในการซื้ออสังหาริมทรัพย์
- ค่าธรรมเนียมการโอน
ผู้ซื้อจะเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียม ซึ่งอยู่ที่ 2% ของมูลค่าประเมิน - อากรแสตมป์
ผู้ขายเป็นผู้ชำระ ซึ่งคิดเป็น 0.5% ของราคาขาย โดยจะใช้เฉพาะเมื่อไม่มีการเรียกเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ (SBT) - ภาษีธุรกิจเฉพาะ (SBT)
ผู้ขายเป็นผู้ชำระ 3.3% ของราคาขายหรือมูลค่าประเมิน หากขายภายใน 5 ปีและไม่ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยหลัก - ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (WHT)
ผู้ขายชำระ 1% สำหรับบริษัท หรือเป็นจำนวนที่คำนวณตามช่วงรายได้สำหรับบุคคลธรรมดา - ค่าบำรุงรักษา
ผู้ซื้อจะเป็นผู้ชำระค่าบำรุงรักษา ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของคอนโด (ต่อมตรตารางเมตร)
การขายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย: สิ่งที่ชาวต่างชาติต้องรู้
- ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (WHT)
ผู้ขายชำระ 1% สำหรับบริษัท หรือระหว่าง 5%–35% สำหรับบุคคลธรรมดา ขึ้นอยู่กับกลุ่มรายได้ - ภาษีธุรกิจเฉพาะ (SBT)
3.3% ของราคาขายหรือมูลค่าประเมิน หากขายภายใน 5 ปีและไม่ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยหลัก - อากรแสตมป์
ผู้ขายชำระ 0.5% หากไม่มีการเรียกเก็บ SBT - ค่าธรรมเนียมการโอน
ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียม ซึ่งมักจะถูกแบ่งครึ่งระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายที่ 2%
ตัวอย่าง: การขายคอนโดราคา 5 ล้าน THB หลังจาก 3 ปี
ภาษีธุรกิจเฉพาะ (SBT): 3.3% ของ 5 ล้าน THB = 165,000 THB
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (WHT): 1% ของ 5 ล้าน THB = 50,000 THB
อากรแสตมป์: ไม่มี (เนื่องจาก SBT ใช้แล้ว)
ค่าธรรมเนียมการโอน: 50,000 THB (แบ่งกับผู้ซื้อ)
เคล็ดลับสำหรับผู้ขายชาวต่างชาติ
- หนังสือรับรองการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (FET)
ให้แน่ใจว่าคุณได้รับหนังสือรับรอง FET เมื่อคุณซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อที่จะนำเงินที่ได้จากการขายกลับไปยังต่างประเทศ - ขอความช่วยเหลือจากมืออาชีพ
ควรปรึกษาทนายความหรือบัญชีเพื่อให้การคำนวณภาษีเป็นไปอย่างถูกต้อง - การเจรจาต่อรอง
สำหรับคอนโดมิเนียมที่ขายต่อ การเจรจาว่าฝ่ายไหนจะเป็นผู้ชำระภาษีสามารถทำได้ (ไม่มีการกำหนดที่ตายตัว)
สรุป: ประเด็นสำคัญที่ต้องจำ
การเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียม: ชาวต่างชาติสามารถซื้อคอนโดมิเนียม (ในลักษณะ Freehold) ได้ แต่ไม่สามารถเป็นเจ้าของที่ดิน
เงินตราต่างประเทศ: เงินที่จะใช้ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ต้องมาจากต่างประเทศในสกุลเงินต่างประเทศ
เอกสารที่ต้องเตรียม: ให้แน่ใจว่าคุณได้เอกสาร FET สำหรับการโอนเงินและการลงทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน
ภาษี: ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการขายอสังหาริมทรัพย์ประกอบด้วย WHT, SBT, อากรแสตมป์, และค่าธรรมเนียมการโอน
การป้องกันทางกฎหมาย: ควรใช้ทนายความเพื่อจัดการสัญญา ตรวจสอบความถูกต้องของอสังหาริมทรัพย์ และปฏิบัติตามข้อกำหนดทางภาษี